Advertisement

Main Ad

แผ่นเกมส์ออกใหม่ Xbox 360 Metal Gear Solid V The Phantom Pain

DiscChanel.com : แผ่นเกมส์ออกใหม่ Xbox 360 Metal Gear Solid V The Phantom Pain



แผ่นเกมส์ออกใหม่ Xbox 360 Metal Gear Solid V The Phantom Pain

Metal Gear Solid V The Phantom Pain Xbox 360

การ
ปฏิบัติภารกิจครั้งสุดท้ายของสเนค
ซึ่งเดินทางมาถึงบทสรุปจุดไคลแมกซ์ที่จะเฉลยคลายปมทุกข้อสงสัยในแฟรนไชส์เม
ตัลเกียร์ และเหมือนเป็นการเอื้อนเอ่ยแทนคำบอกลาของ "ฮิเดโอะ โคจิมะ"

     
      
"เมตัลเกียร์โซลิด แฟนธ่อมเพน"
ในภาคนี้ถือเป็นการสานต่อเหตุการณ์ที่หลายคนยังค้างคาใจเกี่ยวกับตัวละคร
"Naked Snake" (หรือที่รู้จักกันในนาม Big Boss)
วีรบุรุษสงครามเย็นที่มีการปูเรื่องราวมาตั้งแต่เกมเมตัลเกียร์ภาคสาม
ข้ามไปยังพีซ วอล์คเกอร์บน PSP และวกกลับมาใหม่ในภาคหลักลำดับที่ห้า
ซึ่งหากใครที่สงสัยว่าทำไมเปิดเกมมาบุรุษสายลับตาเดียวผู้น่าเกรงขามรายนี้
ถึงได้มีลุคเปลี่ยนไปแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม
หรือฐานทัพที่ตนอุตส่าห์ลำบากลำบนสร้างมากับมือจากภาคพีซ
วอล์คเกอร์หายไปไหน
ก็อยากแนะนำให้ไปหาเกมภาคปฐมบทกราวน์ซีโร่ส์มาเล่นเสียก่อน
       Metal Gear Solid V The Phantom Pain
      
ซึ่งผลประโยชน์ที่ได้จากการนั่งเล่นภาคกราวน์ซีโร่ส์มาก่อน
มันไม่ได้ช่วยเพียงแค่ให้ผู้เล่นสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้ถูกเท่านั้น
แต่ยังเป็นการให้เราได้คุ้นชินกับระบบการบังคับรูปแบบใหม่ที่แปรเปลี่ยนไป
จากภาคก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกอาวุธอุปกรณ์ไอเทมด้วยปุ่มทิศทาง, ฟีเจอร์
Reflex ชะลอเวลาสุดเจ๋งยามจ๊ะเอ๋กับศัตรู
หรือการที่มันกลายเป็นเกมแนวโอเพ่นเวิลด์แบบเต็มตัว
ที่เราสามารถจัดอันดับความสำคัญของมิชชั่นที่อยากทำก่อนหลังได้
หรือเลือกวิธีปฏิบัติภารกิจได้อย่างอิสระเสรีและหลากหลาย
ใครถนัดสไตล์ลอบเร้นก็หมอบคลานจากจุดเกิดลากยาวไปถึงฐานศัตรู
รู้สึกคันไม้คันมือก็บุกยิงฝ่าดงกระสุนเข้าไปตรงๆ
ถ้ามั่นใจในความแม่นก็ส่องสไนไล่เก็บทีละคนจากระยะไกล
หากต้องการความอุ่นใจก็สามารถเรียกเฮลิคอปเตอร์มาช่วยยิงสนับสนุน
หรือใครขี้เกียจอยากเล่นง่ายจะสั่งทิ้งระเบิดปูพรมทั้งฐานทัพเลยก็ยังได้
       Metal Gear Solid V The Phantom Pain
      
ด้วยการหยิบยืมรูปแบบเกมเพลย์โอเพ่นเวิลด์ของตะวันตกมาใช้นี้เอง
ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของซีรีย์เมตัลเกียร์เลยทีเดียว
จากเมื่อก่อนที่สเนคของเราต้องย่องแทรกซึมฐานทัพหลบซ่อนศัตรูในฉากสภาพแวด
ล้อมแบบปิดที่ไม่ต่างจากการเล่นซ่อนหาอยู่ในบ้าน
แต่พอมาคราวนี้กลับเปิดกว้างทำให้ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่
สามารถเลือกจู่โจมศัตรูได้จากทุกทิศ 360 องศา
หรือหากคับขันจริงๆก็สามารถวิ่งหนีออกมาจากพื้นที่ตรงนั้นเลยได้ทันที
เรียกว่าสบายเรา แต่ลำบากศัตรู
แถมแอ็คชั่นเกมเพลย์หลบเข้ากำบังแล้วโผล่มายิงก็ทำออกมาได้กระชับทำให้บู๊
สนุกยิ่งกว่าภาคไหนๆ
ดังนั้นคงไม่แปลกอะไรหากเห็นบางคนเล่นเดินกราดกระสุนเมามันส์นึกว่าตนเป็น
แรมโบ้
       Metal Gear Solid V The Phantom Pain
      
อีกหนึ่งปัจจัยที่ถูกเพิ่มเข้ามาในภาคนี้
คือเรื่องของเวลาที่เดินไปแบบเรียลไทม์
ที่เราสามารถล็อคตำแหน่งเป้าหมายในเวลากลางวัน
แล้วค่อยเข้าทำตอนกลางคืนในขณะที่ศัตรูกำลังง่วงเหงาหาวนอน
อีกทั้งปัจจัยด้านสภาพอากาศแบบไดนามิคในเกมก็มีผลเช่นเดียวกัน
อย่างเช่นพายุทรายที่ช่วยบดบังทัศนวิสัยของศัตรู
หรือยามฝนตกฟ้าร้องที่ช่วยกลบเสียงฝีเท้าของเรา
ส่วนเรื่องภาพกราฟิกแม้ว่ามันจะใช้ฟ็อกซ์เอนจิ้นตัวเดียวกับภาคกราวน์ซีโร่
ส์ แต่พอมาในแฟนธ่อมเพนกลับทำให้เราทึ่งได้อีกครั้ง
ด้วยขนาดความกว้างใหญ่ไพศาลรายละเอียดสูงของฉากทะเลทรายในอัฟกานิสถาน
รวมถึงฉากป่าทุ่งหญ้าสะวันนาในแอฟริกา
ที่ถูกเรนเดอร์ออกมาให้เล่นกันอย่างลื่นไหลไม่มีสะดุดคงที่ตลอดในระดับ 60
เฟรมต่อวินาที
       Metal Gear Solid V The Phantom Pain
      
สำหรับใครที่เป็นสาวกเมตัลเกียร์ เมื่อได้มาจับ "แฟนธ่อมเพน"
เชื่อว่าคงต้องรู้สึกประหลาดเหมือนมีอะไรบางอย่างผิดแปลกไป
ซึ่งสิ่งนั้นมันก็คืออัตราส่วนระหว่างเกมเพลย์ กับฉากมูวี่คัตซีน
ที่ดำเนินมาจนถึงภาคสุดท้ายของแฟรนไชส์แล้ว
แต่ก็ยังหาความสมดุลจุดลงตัวไม่เจอสักที
หลังจากที่ภาคก่อนโดนแฟนบ่นหนาหูว่ามูวี่เยอะเกิน
มาคราวนี้ทางทีมงานก็เลยออกแนวประชดประชัน
ฉากคัตซีนถูกตัดทอนลดลงไปจนเหลือน้อยมากเพื่อให้ได้เล่นกันแบบเต็มอิ่มสมใจ
หมาย
อีกทั้งเนื้อเรื่องหลักของภาคนี้มันก็ไม่ได้เข้มข้นซับซ้อนซ่อนเงื่อนเท่า
ไหร่นัก
วันๆวนเวียนอยู่แต่การรับจ๊อบหาเงินมาสร้างสมกองกำลังเพื่อไปสะสางหนี้แค้น
กับวายร้ายจอมบงการ "ไซเฟอร์" เท่านั้น
ส่วนเหล่าบอสศัตรูที่เราต้องสู้ด้วยก็มีอยู่เท่าที่เห็นในช่วงต้นเกม
       Metal Gear Solid V The Phantom Pain
      
รูปแบบการดำเนินเกมของแฟนธ่อมเพน ส่วนใหญ่จะได้รับอิทธิพลหลักๆมาจากภาคพีซ
วอล์คเกอร์ ที่มีการบอกเล่าเรื่องราวผ่านมิชชั่น
เพียงแต่จะถูกปรับปรุงใหม่ให้ดียิ่งขึ้น
โดยภาคนี้เราสามารถเลือกบัดดี้มาเป็นเพื่อนร่วมปฏิบัติภารกิจไปกับเราได้
ซึ่งคู่หูเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรือสิ่งของ
ล้วนต่างช่วยเราได้มากหากเลือกใช้ให้เหมาะกับภารกิจ
นอกจากนี้เรายังสามารถสานสายสัมพันธ์ต่อกันเพื่อปลดล็อคคำสั่งใหม่ๆออกมาให้
เลือก
ส่วนเงินที่ได้หลังจากจบในแต่ละภารกิจก็สามารถนำไปพัฒนาวิจัยอาวุธอุปกรณ์
ใหม่ๆ และขยายฐาน Motherbase ของเราให้เติบใหญ่เหมือนเช่นเคย
ซึ่งหนนี้เราจะได้เดินสำรวจทั้งนอกทั้งในฐานทัพ Motherbase กันจริงๆเสียที
       Metal Gear Solid V The Phantom Pain
      
เนื้อหาภายในแฟนธ่อมเพนนับว่าค่อนข้างยาวเลยทีเดียวหากคิดจะเก็บให้หมด
ด้วยจำนวนมิชชั่นที่ผุดขึ้นมาให้เล่นต่อเรื่อยๆหลังจบเครดิต (เอาอีกแล้ว)
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการนำภารกิจเก่าๆที่เราเคยเล่นผ่านมาปรับระดับให้ยากขึ้น
ส่งผลให้ทั้งเกมมีมิชชั่นหลักให้เลือกเล่นรวมๆแล้วมากถึง 50 ภารกิจด้วยกัน
พอมารวมกับบรรดาภารกิจรอง Side OPS ทั้งหลายอีกนับร้อย
ก็ยิ่งช่วยให้ตัวเกมสามารถเล่นได้นานเป็นเดือน
แต่ด้วยระดับความสำคัญของมันที่ "รอง" สมชื่อ
เพราะมีแต่ภารกิจเดิมๆในฉากสถานที่ที่ใช้วนซ้ำไปซ้ำมา
จึงอยากแนะนำว่าในช่วงแรกๆหากไม่มีความจำเป็นก็ควรมองข้ามมันไปก่อน
ถ้าไม่อยากให้ความซ้ำซากน่าเบื่อของมันมาทำลายอรรถรสความสนุกของเกม
       Metal Gear Solid V The Phantom Pain
      
มาถึงในส่วนของการเล่นออนไลน์
เนื่องจากตอนนี้โหมดมัลติเพลย์เยอร์จริงๆของเกมที่เรียกว่า
"เมตัลเกียร์ออนไลน์" นั้นยังไม่เปิดให้บริการ
จึงทำให้ฟีเจอร์ออนไลน์ในปัจจุบันของเกมถูกใช้กับเพียงแค่มิชชั่น FOB
(Forward Operating Bases) ที่เปิดโอกาสให้เราเข้าบุกแทรกซึมป่วนฐาน
Motherbase ของผู้เล่นคนอื่น เพื่อชิงเอาเหล่าสต๊าฟฝีมือดี
หรือช่วงชิงทรัพยากรอันมีค่ามาเป็นของเรา ซึ่งใครที่ไม่อยากยุ่งเกี่ยว
หรืออยากหลุดพ้นจากบ่วงเวรบ่วงกรรม (เราปล้นเขา เขาปล้นเรา) ก็สามารถเลือก
Disconnect ออกจากเซิร์ฟเวอร์ เพื่อเล่นเกมในโหมดออฟไลน์ไปตามปกติของเราได้
       Metal Gear Solid V The Phantom Pain
        "Metal
Gear Solid V The Phantom Pain"
ถือเป็นการปิดฉากตำนานแฟรนไชส์ผู้เป็นต้นแบบเกมแนวสายลับลอบเร้นลงได้อย่าง
สมบูรณ์ และจากความสนุกที่ได้รับเรื่อยมานับตั้งแต่สมัยวัยเยาว์
จนเติบใหญ่มาได้ถึงทุกวันนี้กับบทบาทของนักรีวิวเกม
จึงไม่มีคำไหนแทนความรู้สึกในฐานะที่เป็นแฟนเมตัลเกียร์คนหนึ่งได้ดีไปกว่า
คำว่า "ขอบคุณ" ที่ก่อนจากกันยังอุตส่าห์ให้เราได้มีโอกาสเล่น "พีซ
วอล์คเกอร์ 2"!!!